เงินบาทเปิด 37.35 ทรงตัวจากวานนี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 37.35 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 37.35 บาท/ดอลลาร์

เศรษฐศาสตร์ เช้านี้เงินบาทยังทรงตัวจากท้ายตลาดเมื่อวาน เนื่องจากปัจจัยหลักที่ตลาดรอติดตาม คือ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. นอกจากนี้ ยังต้องติดตามทิศทางของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งช่วงหลังนี้มีการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทยค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 37.15 – 37.50 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (7 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.11350% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.43989% ปัจจัยสำคัญ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 146.72 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 146.69 เยน/ดอลลาร์ เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0012 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 0.9982 ดอลลาร์/ยูโร อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 37.407 บาท/ดอลลาร์ คลังเผยจัดเก็บรายได้ปีงบ 2565 ได้เกินเป้า 1.30 แสนล้านบาท สุทธิ 2.53 ล้านล้านบาท ผลจากเศรษฐกิจฟื้นตัวบริโภคเพิ่ม ภาษีนำเข้าเพิ่ม ชี้’สรรพากร-ศุลกากร’พุ่ง เว้นสรรพสามิตวูบจากภาษีดีเซล ปีงบ 2566 เป้า 2.49 ล้านล้านบาท จีดีพี3.8% ยอมรับกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้สำรวจมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคครัวเรือนในไตรมาสที่ 3 ปี 65 ยังใกล้เคียงเดิม ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่เข้มงวดขึ้นตามคุณภาพสินเชื่อที่ปรับด้อยลง ทำให้สถาบันการเงินบางแห่งพิจารณาปรับเพิ่มหลักประกัน หรือปรับเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ให้เข้มงวดขึ้น โดยแนวโน้มไตรมาสที่ 4 มาตรฐานการให้สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคอื่นมีความเข้มงวดขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินบางแห่งกังวลต่อความเสี่ยงของผู้กู้ในช่วงที่ภาระหนี้และค่าครองชีพปรับสูงขึ้น ส่วนมาตรฐานการให้สินเชื่ออื่นยังใกล้เคียงเดิม

กพช.เคาะแผนบริหารจัดการพลังงานช่วงวิกฤติ ต.ค.-ธ.ค.หวังลดผลกระทบค่าไฟฟ้า พร้อมวางมาตรการประหยัดไฟ

ข่าวเศรษฐศาสตร์ บังคับ “ห้าง-ปั๊ม-โรงงาน-ป้ายโฆษณา” ลดเวลาเปิดไฟ หากราคา LNG ขยับสู่ 50 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ติดต่อ 2 สัปดาห์ “พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อ ต.ค.อยู่ที่ 5.98% ชะลอตัวลง 2 เดือนติดต่อกัน ตามการลดลง ของราคากลุ่มอาหารและพลังงาน รัฐบาลยอมถอย “บิ๊กป๊อก” ลงนามขอถอนมติ ครม. ยกเลิกกฎกระทรวงให้ต่างชาติซื้อที่ดิน 1 ไร่ เพื่อนำกลับไปรับฟังความเห็นจากประชาชนให้รอบคอบก่อน ลุ้นบรรจุเข้าพิจารณาเป็นวาระจรวันนี้
สมาคมอสังหาฯ ระดมแนวคิด ดึงต่างชาติฟื้นธุรกิจ-เศรษฐกิจไทย กระทุ้งนายกฯ 10 พ.ย. ชงรื้อกฎหมายเช่าระยะยาวเผยต่างชาติสนใจ 99-999 ปี วางเกณฑ์ ครอบครองขนาด-ราคา ด้าน กูรู-นักวิชาการ แนะอุดช่องว่าง-ทำกฎหมาชัดเจน เพิ่มโอกาสไทยดึงลงทุน ขณะ มท. “ถอย” ถอนร่างกฎกระทรวงฯ เปิดช่องต่างชาติถือครองที่ดิน กลับไปทบทวนใหม่ ทั่วโลกจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกา ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะชี้ชะตาทิศทางการเมืองสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.6% ในไตรมาส 4 โดยสูงกว่าระดับ 2.6% ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เฟดสาขาแอตแลนตา จะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 9 พ.ย. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (7 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง และให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น ยูโร และปอนด์ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (7 พ.ย.) โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,680.5 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเป็นข้อมูลที่เฟดใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ซึ่งหากดัชนี CPI ออกมาสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ก็อาจผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงาน Gold Demand Trends ฉบับล่าสุดจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยความต้องการทองคำทั่วโลก (ไม่รวมการซื้อขาย นอกตลาดหลักทรัพย์) ในไตรมาส 3 ของปี 2565 แตะ 1,181 ตัน เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบเป็นรายปี ความต้องการที่สูงขึ้นทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี กลับไปเกือบเท่าช่วงก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาด โควิด-19 ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการทองคำยังได้รับแรงหนุนจากผู้บริโภคและธนาคารกลาง แม้ว่าจะมีการหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในส่วนของการซื้อเพื่อการลงทุน

แนะนำข่าวเศรษฐศาสตร์ อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย : ประชาชน ไม่ใช่ภาระใคร